คลิปนี้เรามาฟังบทสัมภาษณ์ของ CTO Microsoft กับวิสัยทัศน์ด้าน AI ที่แกมองในปีนี้นะครับ
คุณ Kevin Scott เนี่ย แกเป็น CTO คนปัจจุบัน ของ Microsoft
ซึ่งถ้าพูดถึง CEO หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยมากกว่า เช่น Steve Job หรือ Tim cook เนี่ย แกเป็น CEO ของบริษัท Apple ส่วน CEO หัวเรือใหญ่คนปัจจุบันของ Microsoft ก็คือคุณซาเทีย ที่เราเห็นกันบ่อยๆ และ Kevin Scott ก็ดูด้านเทคโนโลยีเป็นหลักครับ
คือคุณ Kevin แกให้สัมภาษณ์ในด้านสิ่งที่ AI ทำได้ และมีผลกับแรงงานของมนุษย์ หรือวิธีการทำงานของเรา แบบนี้ครับ
แกเริ่มจากการพูดถึงเครื่องมือที่เปิดตัวในปีที่แล้วอย่าง Github Copilot กับ DALL.E
ทุกคนรวมถึงตัวเขาที่ได้ลองใช้งานมันไปแล้ว ก็คงจะรู้ถึงศักยภาพที่มันจะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของพวกเราได้ชัดเจนแน่นอน
Kevin Scott, CTO Microsoft
Github Copilot เนี่ยเป็นเครื่องมือฝั่งนักพัฒนาโปรแกรม หรือโปรแกรมเมอร์
พูดให้พวกเราที่ไม่ได้มีความรู้ด้านนั้น ให้เห็นภาพเนี่ย คุณลองนึกถึงตอนที่คุณจะทำอาหารเย็น ที่ไม่เคยทำมาก่อน
แต่ Copilot เนี่ยจะแสดงขั้นตอนการทำอาหารเมนูนั้นขึ้นมาครับ และปรับเปลี่ยนขั้นตอนการทำระหว่างการทำอาหาร ให้เหมาะกับการทำงานของเราได้ด้วย
เช่น ถ้าตอนแรกบอกว่าเราจะต้มมาม่า ปกติก็จะเป็นการต้มในถ้วย หรือในหม้อบนเตาแก๊สใช่ไหมครับ
แต่ถ้ามันเห็นว่า เรามีแค่หม้อหุงข้าว มันก็จะแนะนำการต้มมาม่า ด้วยหม้อหุงข้าวที่เหมาะสมขึ้นมาให้เรานั่นเอง
DALL.E ก็เป็นอะไรที่พวกเราหลายคนน่าจะได้ยินในชื่อของ เอไอ วาดรูปได้นะครับ ปีที่แล้วที่ดังๆ ก็คือ Midjourney แต่ DALL.E เนี่ยจะเป็นของโครงการ Open.AI นั่นเอง องค์กรเดียวกันกับที่สร้างเจ้า AI แสนรู้ ChatGPT นี่แหละครับ
แกมองเห็นอะไรจากเครื่องมือ 2 ตัวนี้?
ทุกคนอาจจะมองว่า เครื่องมือ 2 ตัวนี้ให้ความสะดวกสบายหรอ มันก็ใช่ส่วนหนึ่งครับ แต่คุณ Kevin แกบอกว่า นอกจากความสะดวกสบายแล้ว
เครื่องมือ 2 ตัวนี้ ทำให้เขาสามารถโฟกัสกับไอเดียที่อยู่ในสมองเขาได้มากขึ้น
เพราะเครื่องมือที่มีความสามารถด้าน AI พวกนี้นั้น
ช่วยแก้ปัญหายิบย่อยต่างๆ แทนเขา เพื่อให้เขาสามารถโฟกัสกับงานจริงๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง
“these tools let me be in flow state longer than I was before”
– Kevin Scott, CTO Microsoft
พวกเราลองคิดตามดูนะครับ การที่วันหนึ่งเราจะทำงานอะไรขึ้นมาสักชิ้นเนี่ย มันจะไม่ใช่การนั่งทำงานนั้นโดยตรงจนจบ
แต่ระหว่างการทำงานจะมีอุปสรรค หรือมีขั้นตอนยิบย่อย ที่หลายครั้งอาจจะทำให้เราหลุดโฟกัสจากงานหลักไป จนทำไม่เสร็จตามที่ตั้งใจก็หลายครั้ง
ยกตัวอย่างเช่นการสรุปรายงานสักฉบับ หลายครั้งที่เราต้องเสียเวลางานยิบย่อย เช่น การหาว่า จะใส่กราฟแบบที่เราต้องการบน Powerpoint ต้องไปกดตรงไหน
การหาใน Google ก็ต้องมานั่งไล่อ่านทีละลิ้งค์ว่าอันนั้นมันถูกมั้ย อั้นนี้เขียนไว้ 5 ปีที่แล้ว หน้าตาแอพมันไม่อัพเดต โอ้ย ใช้เวลาเยอะมากเลยครับ
ซึ่งระบบ AI ที่ดี จะสามารถนำคำตอบที่เราต้องการมาให้ได้ในเวลาสั้นๆ และทำให้เราเดินงานของเราต่อได้นั่นเอง
ซึ่งคุณ Kevin มองว่า พอระบบ AI มันสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหายิบย่อยได้แล้วเนี่ย มนุษย์ก็จะมีเวลามากขึ้นครับ เพราะรูปแบบการทำงานแบบเดียวกันนี้ มันสามารถเข้ามาช่วยมนุษย์ในทุกธุรกิจได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน ด้านกฎหมาย เกษตรกรรม อุตสาหกรรม สายการผลิต AI สามารถเข้ามาช่วยลดเวลา และเพิ่มความสุขให้มนุษย์ โดยเฉพาะคนทำงานได้
โดยเขาเปรียบเทียบกับการลงแข่งวิ่งมาราธอนครับ ว่าเอไอไม่ได้เป็นรถยนต์ที่พานักวิ่งไปถึงเส้นชัย ไม่ช่าย
เอไอจะเป็นเหมือนกับรองเท้าวิ่งพรีเมียม ที่ทำให้เราเหนื่อยน้อยลง และวิ่งได้ไวขึ้นนั่นเอง และที่สำคัญคือเอ็นจอยกับการวิ่ง
ซึ่งบริษัทที่นำเอาเทคโนโลยีด้าน AI ไปใช้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เนี่ยก็จะเหมือนนักวิ่งที่ได้รับรองเท้าพรีเมี่ยมที่ว่านี้ ไปลงแข่งเหมือนเดิม แต่ก็จะวิ่งแตกต่างไปจากนักแข่งคนที่ใช้รองเท้าวิ่งทั่วไปนั่นเอง
ความเห็นนี้น่าสนใจครับ เพราะมุมมองของคุณ Kevin เนี่ยไม่ได้มองว่า AI จะมาแย่งงานคน แต่จะเป็นคนด้วยกันเองนี่แหละที่น่าจะแบ่งออกเป็น 2 พวก
ก็คือกลุ่มคนที่เอาเอไอมาใช้ในการทำงาน กับคนที่ไม่ได้ใช้เอไอในการทำงาน
ซึ่งจุดนี้คุณเควิน ก็ขายของด้วยครับ ว่าตอนนี้ Microsoft ก็มีการเอา AI มาใช้จริงแล้วในสายผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เช่น MS Team มีหน้าชัดหลังเบลอ หรือมีสรุปการประชุมแบบอัติโนมัติ รวมไปถึงการแปลซับไตเติ้ลแบบสดๆ และจะมีการเอา AI มาใส่ในผลิตภัณฑ์เกือบทุกตัวของ Microsoft ในปีนี้นั่นเอง
และนั่นก็คือมุมมองของคุณ Kevin Scott CTO ของ Micrsoft นะครับ เพื่อนพี่น้องคิดเห็นยังไง เราคอมเม้นท์คุยกันด้านล่างได้
แล้วถ้าชอบก็กดไลค์ กดแชร์ให้เพื่อนได้ ติดตาม subscribe เรื่อง AI กันได้ในคลิปหน้าครับ