AI

ดูเทรนด์ AI ปี 2023 จะเติบโตอย่างไรบ้าง?

เรื่องที่เกี่ยวข้อง - AI

พวกเราได้เห็น AI กระโดดขึ้นแย่งไมค์ เขย่าเวทีเทคโนโลยีในช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้วได้อย่างชัดเจน

พวกเราได้รู้จักและได้สัมผัส AI กลุ่มใหญ่ๆ อยู่ 2 กลุ่ม ได้แก่

  • กลุ่มสร้างภาพจากข้อความ (Text-to-Image)
  • กลุ่มพูดจาเหมือนคน (ChatGPT นายเอาไมค์ทองคำไปเลย)

ซึ่งจริงๆ ยังมี AI อีกหลายกลุ่มที่ซ่อนอยู่ในชีวิตประจำวันอีก แต่อย่างที่เปรียบ เจ้า 2 ตัวนี้มันกระโดดขึ้นไปแย่งไมค์ตอนเขาไลฟ์กันอยู่ได้จริงๆ

แล้วปี 2023 ล่ะ?

พลได้รวบรวมความคิดเห็นจากหลายที่ทั่วอินเตอร์เน็ต และไอเดียของพลบางส่วน มาสรุปให้เข้าใจได้ง่าย เพื่อพวกเราจะได้พร้อมสำหรับ AI ในช่วง

ถ้าคิดเห็นอย่างไร ก็คุยกันด้านท้ายบทความได้นะครับ

1. ทวีความยิ่งใหญ่ด้วยการสร้างภาคต่อ

ราชายังมีผู้สืบทอด

AI คือสิ่งที่สร้างขึ้นจากมนุษย์

และปฏิเสธไม่ได้ว่าด้วยเทคโนโลยีต่างๆ ที่พัฒนาขึ้นในปัจจุบัน ทำให้เราสามารถสร้างการพัฒนาแบบเขย่ง-ก้าว-กระโดด ให้กับโลกของปัญญาประดิษฐ์มากกว่าช่วง 20 ปีที่ผ่านมาในเวลาอันสั้น

หลายคนตอนนี้คาดการณ์ว่า เทคโนโลยีฝั่ง AI ทั้งส่วนของผู้ใช้งานทั่วไป และสำหรับนักพัฒนา AI จะมีรุ่นต่อไปของมัน

ที่ซึ่งแรงกว่า,​ เร็วกว่า, มีความรู้แจ้งมากกว่า, หลากหลายกว่า ที่มีอยู่ในปัจจุบัน

ก็ได้แก่

  • ChatGPT 2 (สร้างจาก model GPT-4)
  • DALLE-3 (กลุ่มเดียวกับ Text-to-Image)
  • AlphaFold 3 (AI ที่ใช้ในการจำลองโครงสร้างโปรตีน เพื่อความก้าวหน้าด้านการแพทย์, ชีววิทยา,​ และการสร้างยารักษาโรค)
  • PyTorch 2 (เครื่องมือด้าน Data และ machine learning อันนี้มีกำหนดออกเดือนมีนาคมนี้)

แน่นอนว่าช่วงที่พลเขียนอยู่นี้ Avatar 2 เข้าพอดี (แต่ยังไม่ได้ดู อย่าสปอยล์น้า)

2. AI กลุ่มวาดรูป จะยังเป็นประเด็นร้อน แต่จะเริ่มลงร่องลงรอยมากขึ้น

ปีที่แล้วสำหรับ AI กลุ่มสร้างภาพ หรือ Text-to-Image กลายเป็นคนแรกที่ไฟสปอตไลท์ส่องไปหาในปีที่แล้ว

และทันทีที่คนเรารู้ว่ามันทำอะไรได้ อินเตอร์เน็ตก็ระเบิดตูมตามลุกเป็นไฟ

AI จะมาแย่งงานนักสร้างสรรค์รูปวาดอย่างนั้นหรือ? เป็นคำถามที่ปีนี้เราต้องการคำตอบ

แต่ถ้าให้พลสรุปทิศทางที่น่าจะเกิดขึ้น หลังจากความโกลาหลและเสียงกรีดร้องในปีที่แล้ว ปีนี้จะมี

  1. เหล่า Creator จะเริ่มเอา AI มาทดลองในงานของตัวเองมากขึ้น
  2. จะมีคนที่เอา AI มาใช้ในการสร้างภาพโดยตรง
  3. เรื่องลิขสิทธิ์ จะเริ่มมีทิศทางชัดเจน กลุ่มเว็บขายงาน หรือ community นักวาดจะหาข้อตกลงเรื่องการจำแนก, ใช้งาน, และรูปแบบการหากำไรจากงานที่มี AI มาเกี่ยวข้อง
  4. Creator บางคนจะเริ่มเทรน AI ด้วยผลงานของตัวเอง เพื่อให้มันกลายเป็นผู้ช่วย
  5. Creator บางคนอาจจะขายผลงานของตัวเองเพื่อใช้ใน AI แล้วกินค่าลิขสิทธิ์เอา (ตรงนี้ความแน่ชัดในรูปแบบการทำงานจะมาเล่าให้ฟังวันหลังต่อไปครับ)

3. AI จะกลายเป็นเครื่องมือใหม่สำหรับ Scammer

พวกเราอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์มาได้ปีที่แล้ว และจริงๆ ไม่ใช่แค่ประเทศไทย แต่แก๊งที่ใช้วิธีการเดียวกันนี้ต่างก็มีอยู่ทั่วโลก

บางคนเจอโทรแบบเสียงมา,​ บางคนเจอวิดีโอคอล, บางคนเจอ SMS, บางคนเจอ Email

ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ เนื้อหาของการ Scam คือการที่มันต้อง “เนียน” ให้ดูน่าเชื่อถือมากที่สุดใช่ไหม?

และรู้ไหมว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การเนียนนี้ใช้แรงงานคนทั่วๆ ไปอย่างพวกเรานี่แหละในการสร้างเนื้อหาหลอกขึ้นมา

แต่ต่อไป Scammer จะได้ AI ไปเป็นเครื่องมืออีกอย่างแล้ว ซึ่งผลลัพธ์นั้นน่าจะน่ากลัวทีเดียว

ตอนคุยกับ ChatGPT รู้สึกว่ามันเหมือนคนจริงๆ ไหมล่ะ?​

เออ นั่นแหละ หลักการแบบเดียวกันที่ Scammer น่าจะเอามาใช้เป็นอาวุธในการสร้าง content หลอกคนทั่วๆ ไป ที่คราวนี้ทำงานได้อย่างรวดเร็ว และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

4. เครื่องมือจับ Scammer หรือ Fraud ก็จะติดอาวุธด้วย AI เช่นกัน

ทีนี้จากข้อ 3 ก็อาจจะดูโหดร้ายไปสักนิด เหมือนเอาปืนเลเซอร์ไปใส่ไว้ในมือโจร

แต่ในเมื่อมันเป็นเทคโนโลยี มันคือเครื่องมือ มันก็สามารถที่จะเอามาสร้างอาวุธในฝั่งต่อต้านอาชญากรรมได้เช่นเดียวกันครับ

เพราะอะไรหน่ะหรือ โดยพื้นฐานแล้ว AI ก็ทำงานเหมือนคน

ถ้าเราใช้คนคนหนึ่งมาคอยสังเกตว่า สายที่โทรเข้านี้คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือเปล่า เราก็ต้องฝึกคนคนนี้ให้รู้ว่า อะไรบ้างที่บ่งชี้ว่าคนที่คุยอยู่ด้วยนี้ โทรมาหลอกชัวร์ๆ ใช่ไหม

เราสามารถสอนให้ AI ทำแบบเดียวกันได้ แต่คราวนี้พอเป็น AI มันฝังตัวเองเข้ากับระบบแอพ หรือไอทีที่ให้บริการลูกค้าได้โดยตรงไง

แถมทำงานได้ตลอดเวลา และเร็วกว่าในการตรวจจับรูปแบบการหลอกลวงพวกนี้

จริงๆ ก็มี Product ที่ค่อนข้างโดดเด่นอย่าง Shield ที่ตั้งตัวเองเป็น Risk Intelligence ในการตรวจจับรูปแบบเกี่ยวกับอาชญากรรมพวกนี้

ซึ่งก็มีหลายบริษัทที่ใช้งาน Sheild ในบริการของตัวเองแล้ว เช่น True Money, Alibaba, หรือ SEA ที่น่าจะรู้จักกันดีนั่นเอง

และด้วยเทคนิคเดียวกันนี้ เราสามารถประยุกต์ AI ให้โต้ตอบกับข้อมูลที่มีรูปแบบจำเพาะในอุตสาหกรรมอื่นได้ด้วย เช่น การประยุกต์ใช้ข้อมูลปริมาณน้ำกับแหล่งการเกษตรเป็นต้น

5. บริษัท Start-up ที่ใช้ AI เป็นแก่นหลัก จะมาพร้อมกับไอเดียสุดล้ำ

รูปแบบของ Start-up ในช่วงเวลาที่ผ่านมา มักจะใช้ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนบริการ หรือผลิตภัณฑ์ของตัวเอง

ซึ่งเทคโนโลยีทำให้ลดเวลา และต้นทุน จากที่ต้องมีทรัพยากรเหล่านี้จำนวนมากในการดำเนินธุรกิจ ก็สามารถลดการใช้ทรัพยากรส่วนนี้ไปได้มาก

ทีนี้เรื่องของ AI ที่เป็นตัวเลือกทางเทคโนโลยีหนึ่ง ที่นำความสามารถในการทำงานของมนุษย์ส่วนหนึ่งมาอยู่ในซอฟต์แวร์ หรือเครื่องจักร

ผลที่น่าจะได้ก็คือโซลูชั่นที่อำนวยความสะดวก หรือทดแทนแรงงานคนในอุตสาหกรรมไปเลย

จะมากน้อย อันนี้ต้องดูแนวโน้มอีกที

ยิ่งตอนนี้ ผู้ใช้บริการระบบ Cloud ต่างๆ อย่าง Microsoft, Amazon, Google, และ Alibaba ก็พาเหรดเอาสายบริการด้าน AI ของตัวเองออกมา

เพื่อให้ Start-up และนักพัฒนาต่างหยิบเอาไปใช้ในไอเดียของตัวเองได้มากมายครับ เช่น

ทำให้นักพัฒนาสามารถนำความสามารถของ AI มาใช้ในระบบของตัวเอง หรือในองค์กรแทบจะทันที

ปีนี้พลมีได้เข้าไปร่วมโครงการอบรม Developer ให้เข้าใจด้าน AI หลายที่อยู่ ซึ่งถ้ามีโอกาสจะมาเหล่าสู่กันฟังอีกทีครับ

6. การเผยตัวของ AI ด้านการแพทย์ในวงกว้าง

ใครตามข่าว AI มาสักหน่อยจะพอรู้ว่า มีการเอา Machine Learning หรือ AI มาช่วยในด้านงานสาธารณสุขกันนานพอตัวแล้ว

เช่นการสอนให้ AI เรียนรู้ที่จะแยกแยะลักษณะของการเกิดมะเร็งในระยะเริ่มต้นจากภาพถ่ายเอ๊กซเรย์ ของ Google เป็นต้น

ซึ่งมันก็ไม่ได้สร้างผลกระทบในวงกว้าง ในรูปแบบเดียวกับที่ ChatGPT ทำ

แต่การเปิดตัวของ ChatGPT น่าจะนำพาการเปิดตัวใหม่ๆ ของ AI ในฝั่ง Healthcare หรือด้านสาธารณสุขในปีนี้ด้วย

แน่นอนว่ารูปแบบการใช้งาน, การปรับให้เหมาะกับกฎหมายต่างๆ,​ ก็จะค่อยเป็นค่อยไปเหมือนกับตัว DALLE ครับ (คือปล่อยตัวทดลองมาตู้ม แล้วให้สังคม feedback ความเห็นกัน เพื่อเอาไปปรับปรุงกันอีกที)

รูปแบบต่างๆ ที่มองกันว่าจะเกิดขึ้นก็ได้แก่

  • AI ที่ให้ข้อมูลด้านสุขภาพพื้นฐาน (แต่ไม่ได้แนะนำการทานยาเอง)
  • AI ที่ช่วยคุณหมอวินิจฉัยอาการของโรคต่างๆ

7. AI จะล้มเหลว

วันนี้พลของปิดด้วย trend ที่น่าจะแหวกแนวหน่อย เพราะส่วนใหญ่เวลาเราพูดถึง Trend ก็มักจะมองถึงความว้าวซ่า อลังการ ข้ามจักรวาล สู่อนาคตกันทั้งนั้น

แต่หาก AI จะกลายเป็น Technology กระแสหลักในปีนี้จริงๆ

มันจะล้มเหลวครับ

ในที่นี้การล้มเหลว คือการพิสูจน์ตัวเองของ AI และบริษัทต่างๆ ที่ได้นำ AI มาใช้เป็นแกนหลักของธุรกิจ ว่าอย่างน้อยที่สุดมันก็คือเครื่องมือที่มนุษย์สร้างขึ้น

และมันมีข้อผิดพลาด ไม่แตกต่างจากแอพ หรือเว็บโซเชี่ยลในปัจจุบันเลย

มันจะมีการทำงานที่ผิดพลาด ความผิดพลาดมัน มากน้อย ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของงาน และขอบเขตที่เอาไปใช้ เรื่องของการควบคุมการใช้งาน AI ในหลายๆ อุตสาหกรรม ก็จะเป็นเรื่องที่มีการเดินหน้าในปีนี้

AI for Enterprise และ AI Governance เป็นอีกหัวข้อที่พลจะมุ่งเน้นตลอดปีนี้เช่นกันครับ

.

.

เราคงปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ต่อจากการพัฒนาของระบบ Cloud ก็คือ AI หาใช้ Blockchain อย่างที่เข้าใจกัน

แน่นอนว่า นี่เป็นส่วนสรุป

เจอกันใหม่ในวันพรุ่งนี้ครับ

เริ่มต้นยุค AI ด้วยคอร์สฟรี และพรีเมี่ยม กับพล

หากชอบสิ่งที่พลเล่า เรื่องที่พลสอน สามารถสนับสนุนพลโดยการเข้าเรียนคอร์สออนไลน์ของพลนะคร้าบ

  • เข้าใจง่าย ใช้ได้จริง ออกแบบการสอนอย่างเข้าใจโดยโค้ชพล
  • มีคอร์สสำหรับคนใช้งานทั่วไป จนถึงเรียนรู้เพื่อใช้งานในสายอาชีพขั้นสูง
  • ทุกคอร์สมีใบประกาศณียบัตรรับรองหลังเรียนจบ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • Always Active

Save