เอาล่ะ ตอนนี้ ChatGPT หรือ Chat AI น่าจะโด่งดังในระดับที่พวกเรา ถึงไม่ได้เก่งกาจด้าน IT ก็คงเห็นผลงานมันในสื่อต่างๆ แล้ว จนถึงขนาดที่เรามองไปไกลถึงการตกงานกันในหลากหลายอาชีพกันเลยทีเดียว
โอเค โอเค AI หน่ะ มีเป้าหมายถึงคือการทำงานเลียนแบบมนุษย์อยู่แล้ว
แต่เจ้า ChatGPT นี่มันดูเก่งกาจราวกับเอาคนตัวเป็นๆ มานั่งคุยกับเรา แถมดูเหมือนคนจริงๆ จึงไม่แปลกเลยที่คนในหลากหลายสายอาชีพที่เหมือนความสามารถของ ChatGPT จะเข้ามา “แทนที่” หน้าที่จะตื่นตกใจกันได้
เรื่องที่พลมาเล่าวันนี้ จะเป็นการทำความเข้า ChatGPT ที่ในมุมมองที่ไม่ได้แบบโอ้วว้าว แต่ให้เห็นความจริงและตัวตนของ ChatGPT ฉบับไม่ปวดหัวครับ
1. ChatGPT ตอบผิดได้นะ ตอบไม่รู้ได้นะ
ถ้าลองเล่น ลองคุยกับ ChatGPT จริงๆ จะพบว่าหลายครั้งมันก็ตอบผิดจากความเป็นจริง รวมไปถึงมันสามารถบอกเราว่า ไม่รู้ ไม่รู้ได้
เป็นเพราะอะไรหน่ะหรอ
เพราะ ChatGPT นั้น จริงๆ ไม่ได้ฉลาดเหมือนมนุษย์ไง และที่สำคัญมันอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันกำลังคุยเรื่องอะไรกับเรา
โดยเบื้องต้นแล้ว การที่ AI จะคุยตอบกับเราได้คล่อง คือต้องมีข้อมูลเตรียมพร้อมไว้ก่อน
ก็เหมือนกับที่เราจะคุยกับเพื่อนเรื่องหนัง Avatar 2 เราก็ต้องไปดูให้จบก่อนใช่ไหม?
แล้วถ้าเรายังไม่ดู แต่ได้ดูแค่ตัวอย่าง trailer ล่ะ เราก็จะคุยได้ในขอบเขตที่น้อยลงใช่ไหม แบบ เออๆ กูเห็นแบบนี้ในตัวอย่าง แต่ฉากเซอร์ไพร้ส์อ่ะ ยังไม่เห็นแน่ๆ
ถ้าเพื่อนชวนคุยฉากนั้น เราก็ตอบได้ทันทีว่า “อันนี้กูไม่รู้ ยังไม่ได้ดู”
นั่นคือขอบเขตจำกัด ที่หลายครั้ง ChatGPT จะปฏิเสธเราในบางเรื่องที่เราอยากให้มันคุย หรือเสนอข้อมูลให้เรา
ทีนี้ ทำไมบางทีมันตอบผิดจากความเป็นจริงล่ะ? มาดูในหัวข้อต่อไปกัน
2. ChatGPT เป็นแอพที่มีพลังในการเชื่อมต่อข้อมูลที่มันมี และมันถูกสร้างมาหลายรุ่นแล้ว
ทีนี้ถ้าเราเห็นภาพ ChatGPT เป็นหุ่นยนต์สังหาร Terminator ถือปืนพร้อมมาไฟว์กับเราล่ะก็
ลองมาว่ามันคือหน้าเว็บ Google ที่เรารู้จักกันดี จะใกล้เคียงความเป็นจริงมากกว่าครับ
เพราะรูปแบบที่เรากำลังใช้งาน ChatGPT ส่วนใหญ่คืออยากให้มันสรุปข้อมูลให้เรา คิดงานแทนเรา
ซึ่งโดยปกติเวลาเราจะเขียนนิยาย, แต่งเพลง, เขียนโปรแกรม, ทำรายงาน อะไรที่ตอนนี้เราพยายามลองให้ ChatGPT คิดให้ ส่วนหนึ่งคือเร่ิมจากการที่เราเอาข้อมูลที่หาได้ในอินเตอร์เน็ต มานั่งคิด นั่งจินตนาการ มาลองรันโค้ดต่อใช่ไหมล่ะ
นั่นคือความสามารถของมนุษย์ในการเอาข้อมูลมาประมวลผล เพื่อสร้างองค์ความรู้ หรือไอเดียใหม่ๆ
ตรงนี้สำหรับ AI มีกรรมวิธีที่เรียกว่า neural network (ok ขอใส่คำเทคนิคไว้สักคำแล้วกัน) กระบวนการทำงานคือ คอมพิวเตอร์จะสามารถโยงข้อมูลที่มัน “เข้าใจ” ว่าถูกต้อง แล้วคนสร้างนี่แหละจะทดสอบ (เช่นการพิมพ์คำถาม)
กระบวนการนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนคนสร้างพอใจ จึงเอามาใช้งาน
สำคัญคือข้อมูลที่เอามาเทให้มันนี่แหละ ที่มากพอจะให้มันปะติดปะต่อเรื่องราว
ซึ่งลองจินตนาการถึงหม้อต้มยำ ที่เราใส่วัตถุดิบต่างๆ ลงไป แล้วชิม ถ้ายังไม่พอใจ ก็เติมโน่นนิด นี่หน่อย คนแล้วชิมอีก ไปเรื่อยๆ จนรสออกมาอร่อยตามต้องการนั่นแหละ
ดังนั้นในเวอร์ชั่นแรกๆ ของ ChatGPT มันอาจจะตอบได้ แต่มนุษย์อาจจะไม่สามารถเข้าใจคำตอบของมันเลยก็ได้ แต่พอผู้สร้างฝึกมันอีกโดยการปรับโน่นนิดนี่หน่อย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมันออกมาตอบคำถามเราในรูปแบบที่น่าพอใจ ในทำนองเดียวกัน
และถึงที่สุดแล้วมันก็คงยังไม่รู้ล่ะครับ ว่าเรากำลังคุยกับมันเรื่องอะไร แต่มันถูกฝึกมาเพื่อเชื่อมต่อข้อมูลที่มันมีได้อย่างเหมาะสม ตามที่มันถูกผู้สร้างสอนมา จนเป็นที่น่าพอใจนั่นเองครับ
ในอีกทางหนึ่งการที่มันตอบถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่ถูก และตอบด้วยความมั่นใจระดับผู้รู้แจ้งขนาดนี้ สามารถก่อให้เกิดความวุ่นวายได้
3. ChatGPT เอาความมั่นใจขนาดนี้มาจากไหน?
มันถูก “สอน” ครับ
ในทำนองเดียวกันกับการที่มันตอบคำถามเราได้
ตอนที่พลสอนเรื่อง AI ทั้งในระดับการทำความเข้าใจเชิงธุรกิจ และเชิงเทคนิค จะมีเคสที่ยกตัวอย่างว่า คนที่เลือก AI มาใช้ใน IT Solution ของตัวเอง จะสามารถเลือก “พฤติกรรม” ของ AI ได้
และในเมื่อเลือกได้ มันก็หมายความว่า รูปแบบการพิมพ์คุยของมันถูกสร้างขึ้นมาโดยจงใจนั่นเองครับ
ดังนั้นการที่ตอนนี้ เวลาที่มันตอบคำถามได้ มันจะทำตัวเองเหมือนกับผู้รู้แจ้งเสมอ (ไม่งั้นก็ไม่ตอบ หรือตอบกว้างๆ ไปเลย)
4. จงระวังความเชื่อของเราเอง
และด้วยความมั่นใจ และฉะฉาน รวมถึงการตีตราว่านี่คือ “พลังของ AI” ทำให้หลายๆ คนสามารถเชื่อได้ว่าสิ่งที่ ChatGPT ตอบกลับเรามานั้นคือความจริง 100%
ก็ไม่ต่างอะไรไปจากการที่เราเชื่อข้อมูลทุกอย่างบน internet โดยไม่ฉุกคิด ว่ามันจริงหรือเปล่า?
การที่เราเชื่อสนิทใจว่าข้อมูลที่ ChatGPT ตอบเรากลับมาถูกต้อง 100% ก็จะมีความเสี่ยงที่เราเหมือนเสพย์ Fake news บน Google หรือบนสื่อโซเชี่ยลในปัจจุบันเลย
เพราะข้อมูลที่ใส่ลงไปให้ ChatGPT เรียนรู้นั้น ทางผู้สร้างก็ไม่สามารถการันตีได้ว่า ตัวมันเองจะต้องตอบถูกต้องตามความจริง 100% ด้วย (หลายคนคงคิดว่า อ้าว ถ้ามันไม่ 100% แล้วปล่อยออกมาทำไม เรื่องนี้ไว้จะมาเล่าเพิ่มเติมทีหลัง กดตามใน Twitter / Facebook / Youtube ได้ครับ)
และสำคัญที่สุด ChatGPT คือตัวที่ยังไม่สมบูรณ์ ดังนั้นการเอาข้อมูลจาก ChatGPT ไปอ้างอิงในงาน หรือทำส่งอาจารย์ อาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันสำหรับตัวผู้ใช้ และองคก์รนั้นๆ ได้
คำแนะนำคือ หากเราไม่ใช่คนที่มีความรู้มากนักในหัวข้อที่เราสืบค้น ควรลองเอาไปถามผู้รู้ หรือตรวจสอบอีกครั้งก่อนเอาไปใช้จริงนะ
5. ที่น่าตื่นเต้นคือ มนุษย์ค้นพบหนทางที่จะสร้าง AI แบบ ChatGPT ได้แล้วต่างหาก
จากที่เราผ่านมาทั้ง 4 ข้อแรก จะเห็นว่า พลเน้นมาที่ความเข้าใจ 3 อย่าง
- ChatGPT เป็นกลไกที่คนอย่างพวกเรานี่แหละสร้างขึ้น
- มันทำการเชื่อมต่อโยงความสัมพันธ์ของข้อมูลที่เราโยนให้มัน และถามมันเพื่อให้แน่ใจว่ามันจะตอบได้ตรงกับที่เราจะรู้เรื่องและพอนำไปใช้งานได้
- ถ้าข้อมูลที่ให้มันเรียนมีความผิดพลาด มีความไม่สมบูรณ์ มันก็จะตอบตามที่มันอ่านนั่นแหละ
และเมื่อมันคือกลไก หรือเรียกกันในชื่อที่เราคุ้นเคยว่า “แอพ” ที่สามารถสร้างขึ้นมาโดยมนุษย์อย่างพวกเราได้ นั่นหมายความว่า ตอนนี้มนุษย์เรา พบสูตรที่สามารถทำซ้ำร่างของ ChatGPT แล้วครับ
เมื่อมนุษย์ค้นพบวิธีจุดไฟแล้ว อย่าหวังว่าพวกเราจะลืมมันไปได้เลย
ที่เหลือจากตรงนี้คือ
- เราจะเอารูปแบบอันชาญฉลาดของ ChatGPT ไปทำอะไรในอุตสาหกรรมไหนกันบ้างหรือ
- และจะควบคุมการทำงานของมันยังไง
- เราจะเติมข้อมูลทางธุรกิจ หรือองค์กร และควบคุม ChatGPT ยังไง ให้เราใช้ประโยชน์จากมันได้
บางคนก็บอกว่ามันจะแทนที่ Google
โลกในห้าปีข้างหน้านี้ ตื่นเต้นจริงๆ
คิดเห็นอย่างไร คุยกันได้ด้านล่าง ในเม้นต์นะครับ
สนใจติดตามพูดคุยกัน กดตามใน Twitter / Facebook / Youtube ได้ครับ