จริงๆ Facebook เปิดตัวระบบทำ Chatbot ในชื่อของ Messenger Platform ให้โลกเอามาใช้ตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ Chatbot ดูจะยังไม่เติบโตเท่าใดนัก
ปัญหาส่วนหนึ่งก็เกิดจากความยากในการพัฒนาให้ Chatbot ฉลาดตามความคาดหวัง (เชื่อว่าหลายๆ คนอยากทำ Jarvis ใช้เองในบ้านแบบ Iron Man) และอีกส่วนหนึ่งก็คือความยากในการใช้งาน ที่ผู้ใช้ทั่วไปยังไม่เข้าใจนัก หลายคนยังใช้งานผิดบ่อยๆ
มาใน Messenger Platform 1.4 ทาง Facebook ดูจะทำการบ้านมาดีทีเดียว (ส่วนตัวคิดว่าทีมพัฒนา Messenger Platform คงผมร่วงหลายเส้นพอๆ กับนักพัฒนา) โดยการเพิ่มระบบใหม่ๆ เพื่อให้นักพัฒนาสร้าง Chatbot ที่ใช้งานได้สะดวกกว่าเดิม
มาถึงจุดนี้มันย้ำไอเดียหนึ่งที่พลคิดได้ว่า Chatbot มันจะกลายเป็น App อีกช่องทางหนึ่งที่เข้าถึงลูกค้าทุกรุ่นทุกวัยจำนวนมาก ไว้จะมาเล่าคุยกันในแฟนเพจ Bots.in.th อีกที
เอาล่ะ Messenger Platform 1.4 มาเพื่อแก้ปัญหาอะไรบ้าง
1. Persistent Menu: Chatbot ทำด้ายยย
หนึ่งในความท้าทายมากๆ ของคนทำ Chatbot คือ
จะทำยังไงให้ลูกค้ารู้ว่า Chatbot ตัวนี้ทำอะไรได้มั่ง?
เพราะว่าพอลูกค้ากดเข้ามานั่งอยู่ในห้องเดียวกับ Chatbot แล้ว Chatbot มีโอกาสพูดทักทายลูกค้าแค่ครั้งเดียว นั่นล่ะ! ครั้งเดียว จากนั้นบอทของเราจะนั่งยิ้มเงียบๆ รอให้ลูกค้าลองสุ่มประโยคคุย และฝากความราบรื่นในการคุยกับบอทไว้กับโชคชะตา และความสามารถในตัวบอท
นี่เลย Facebook ปรับปรุงระบบ Menu ให้สามารถเลือกแสดงอย่างเดียวก็ได้! ซ่อนกล่องข้อความไปเลยก็ได้! (มาอารมณ์นี้คือ Chatroom จะกลายเป็นหน้าแอพไปเลย)
เพิ่มพลัง Social Sharing
Facebook เติบโตได้เพราะการแบ่งปัน… การแบ่งปันของเรานี่แหละ!
ในอดีตพวกเราสามารถกดแชร์เนื้อหาจากหน้าไทม์ไลน์ ส่งให้เพื่อนใน Messenger ได้ และปกติแล้วนักพัฒนาสามารถใส่ปุ่ม Share ลงไปในข้อความของ Chatbot ได้
แต่ใน Messenger Platform 1.4 ทาง Facebook ทำให้การแชร์เนื้อหาที่ Chatbot คุยกับลูกค้า หลากหลาย และแชร์ได้ง่ายขึ้น
- สามารถปรับแต่งรูปภาพ, ข้อความ, หรือปุ่ม ที่จะถูกแชร์ไปให้เพื่อนของลูกค้าได้
- เพิ่มปุ่ม ‘Send in Messenger’ ลงใน WebView
- เนื้อหาที่แชร์จะมีลิ่้งค์เข้ามาที่ตัว Chatbot ทำให้เพื่อนที่เห็น สามารถเริ่มใช้งาน Chatbot ได้ทันที
ความสามารถอื่นๆ ที่เพิ่มเข้ามา
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถอีกหลายอย่าง พลขอสรุปมาไว้ในที่นี้แล้วกันเนอะ
- Messenger Profile API: เป็น Graph API แบบหนึ่งที่ทำให้บอทเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น เช่นประเทศ หรือภาษาของลูกค้า
- API for Messenger Codes
- Payments pre-checkout event: เป็นระบบแจ้งเตือนให้นักพัฒนาทราบว่าลูกค้ากำลังจะ checkout สินค้าแล้ว ทำให้สามารถเพิ่มเติมข้อมูล เช่นค่าขนส่งลงไปในยอดรวมได้
- เพิ่มการวิเคราะห์การใช้งานในระบบแอพพลิเคชั่น (App-level Analytics)
- กำหนดสัดส่วนของรูปภาพใน Generic Template ได้ ว่าจะเป็น “แนวนอน” (Landscape) หรือ “4 เหลี่ยมจัตุรัส” (Square)
- Attachment Upload API: นักพัฒนาสามารถอัพโหลดไฟล์ และได้เลข ID ของไฟล์มาโดยที่ไม่ต้องขึ้นข้อความแจ้งเตือนให้ลูกค้า
- นักพัฒนาสามารถเรียกรายการความสามารถของ Chatbot ที่รองรับใน WebView ได้
- สุดท้าย ท้ายสุด เพิ่มความยาวข้อความจากเดิม 320 เป็น 640 ตัวอักษร
มีของใหม่ๆ มาให้ลองใช้กันอีกแล้ว ติดตามอัพเดต วิดีโอสาธิต รีวิวการสร้าง Chatbot ได้ทางแฟนเพจ Nextflow และ YouTube ของพล รวมถึงเรื่องแนวคิด และผลกระทบด้านธุรกิจในแฟจเพจ Bots.in.th จ้า
อ้างอิง – Digital Trend, Messenger Blog