หลายๆ คนในทีนี้น่าจะเคยได้ยินชื่อของ Firebase อยู่แล้ว โค้ชพลก็ใช้ไป 3 – 4 โปรเจค (แนะนำให้ลูกค้าใช้ด้วย) วันนี้ Firebase ออกมาประกาศลดราคา และเพิ่มสเปคให้กับทุกแพคเกจการใช้งานครับ
โดยผมจะขออธิบายใน 4 เรื่องด้วยกัน
- เรื่องแรก ผมจะอธิบายสั้นๆ สำหรับคนที่อยากรู้ว่า Firebase คืออะไร
- เรื่องที่ 2 จะเป็นการยกเลิกขีดจำกัด Concurrent Caps
- เรื่องที่ 3 คือการเพิ่มสเปคของแพคเกจแบบฟรี (เยส!)
- เรื่องท่ี 4 คือการเพิ่มทรัพยากรให้แพคเกจแบบเสียตังค์อีกเป็น 3 เท่า
เอาล่ะ มาดูเรื่องแรกกัน ใครรู้จัก Firebase แล้ว จะข้ามไปยังเรื่องที่ 2 ก็ได้นะ
1. Firebase: เมื่อนักพัฒนาไม่ต้องพะวงกับ backend อีกต่อไป
สำหรับคนที่อาจจะยังไม่ได้รู้จัก Firebase ดีนัก มันเหมือนกันบริการ Hosting ฝากเว็บนี่แหละครับ เพียงแต่ใน Hosting นั้นมีระบบ Backend พร้อมตั้งแต่:
- การจัดการลงชื่อเข้าใช้ (Sign In)
- สมัครสมาชิก (User Registraration)
- การจัดการ Database (Database management)
- และอื่นๆ อีกมากมายที่ปกติพวกเรานักพัฒนาต้องมาสร้างเองในฝั่ง Server
โดย Firebase จะจัดเตรียม Native API สำหรับแต่ละระบบไว้ให้พร้อม ซึ่งก็มีตั้งแต่ C#.NET จนถึง Swift และ Objective-C ยิ่งเป็น Web framework อย่าง Angular JS, ReactJS, และ Ionic framework ก็มี
อยากรู้จัก Firebase มากกว่านี้ ลองกดเข้าไปดูเรื่องที่โค้ชพลคุยกันไปก่อนหน้านี้ที่นี่
2. Firebase ยกเลิกการจำกัด Concurrent
เนื่องจากก่อนหน้านี้ Firebase มีการจำกัดจำนวน concurrent ในแพคเกจการใช้งาน ซึ่งยุ่งยากมาก และสร้างความสับสนให้กับนักพัฒนา
ซึ่งนับตั้งแต่นี้ Firebase จะยกเลิก concurrent user ที่มีขีดจำกัดตั้งแต่แพคเกจเสียเงิน Bonfire เป็นต้นไป คนที่ใช้แพคเกจฟรีไม่ต้องตกใจ เพราะ Firebase เพิ่มจำนวนในแพคเกจฟรีให้ด้วย
แต่เพื่อป้องกัน ในช่วงเวลาการใช้งาน Firebase จะทำการจำกัดการเชื่อมต่อจริง เป็น 10,000 การเชื่อมต่อ ซึ่งเพียงพอในการใช้งานจริงของผู้ใช้ 100,000 คนใน 1 วัน และถ้าเมื่อมีผู้ใช้เกินกว่านั้น ทาง Firebase จะปรับเพิ่มให้โดยต้องมีการแจ้งผ่านทาง email ครับ
3. เพิ่มแพคเกจฟรี และเลือกชื่อ domain name ได้ในราคาแค่ 5 ดอลล่าร์/เดือน
Firebase ยังได้ปรับเพิ่มขีดจำกัดในการใช้งานของแพคเกจฟรี ดังนี้ครับ
- เพิ่มจำนวน concurrent user เป็น 100 (เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิม 50)
- เพิ่ม Database bandwidth เป็น 10 GB (เพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิม 5 GB)
- เพิ่ม Database storage เป็น 1 GB (เพิ่มขึ้น 10 เท่าจากเดิม 100 MB)
และยังเพิ่มแพคเกจ Spark สำหรับการใช้ฟรี ที่ต้องการ domain ส่วนตัวได้ด้วย โดยแพคเกจนี้จะทำให้คนที่ใช้แบบฟรีอยู่ ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินเยอะ เท่ากับการอัพเกรดไปใช้แบบ Credle ซึ่งเป็นแพคเกจแบบเสียเงินแบบที่ 1
4. เพิ่มทรัพยากรให้กับแพคเกจจ่ายเงิน 3 เท่า
ใน Firebase มีแพคเกจแบบเสียเงินรายเดือนอยู่ 4 แบบนั่นคือ Candle, Bonfire, Blaze, Inferno โดยทุกแพคเกจจะได้รับการปรับเพิ่มในส่วนฐานข้อมูล ก็คือแบนด์วิธ (Database Bandwidth) และพื้นที่ในการใช้งาน (Database Storage) ดังนี้
- แบบฟรี (Spark) เพิ่มแบนด์วิธเป็น 10 GB พื้นที่เพิ่มเป็น 1 GB
- แบบ Candle เพิ่มแบนด์วิธเป็น 50 GB พื้นที่เพิ่มเป็น 10 GB
- แบบ Bonfire เพิ่มแบนด์วิธเป็น 150 GB พื้นที่เพิ่มเป็น 30 GB
- แบบ Blaze เพิ่มแบนด์วิธเป็น 500 GB พื้นที่เพิ่มเป็น 100 GB
- แบบ Inferno เพิ่มแบนด์วิธเป็น 1500 GB พื้นที่เพิ่มเป็น 300 GB
สรุป
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลที่เห็นได้ชัดจากที่ Google เข้าไปซื้อกิจการของ Firebase ซึ่งคงสามารถเข้าถึงทรัพยากรด้านฮาร์ดแวร์ที่มหาศาลได้ ทำให้เป็นผลดีต่อพวกเรานักพัฒนาเว็บ Front-End ได้ใช้ขอดีๆ มากขึ้นไปอีก
มีคำถามหรืออยากพูดคุยกับโค้ช ฝาก comment ไว้ด้านล่างได้เลย
อยากรู้จักคนใช้ Firebase ในเมืองไทยเยอะๆ 🙂
อ้างอิง – Firebase blog