วันอังคารที่ผ่านมา ทาง W3C องค์กรผู้ดูแลโครงการ HTML รุ่นที่ 5 หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า HTML5 ได้ประกาศรับรองมาตรฐานแรกของ HTML 5 (Recommendation) แล้ว
HTML 5.0 กับความสำเร็จในก้าวแรกของการปฏิวัติเว็บยุคเดิม
HTML 5.0 สำเร็จภารกิจของมัน โดยการปลดแอกเว็บออกจากเทคโนโลยีที่ไม่เป็นมาตรฐาน เปิดกว้างให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์เว็บได้อย่างอิสระ
HTML 5.0 มาเพื่อแทนที่เทคโนโลยีที่เมื่อก่อนต้องอาศัยระบบอื่นในการทำงานบนเว็บ อย่างเช่น Flash ที่เคยใช้เป็น Video Player บน YouTube และ Audio Player บน SoundCloud รวมถึงความสามารถต่างๆ อย่างเช่น HTML5 Canvas ที่ทำให้เว็บทำได้แบบ Flash อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สรุปความสามารถเด่นๆ ใน HTML 5.0 มีดังนี้
อีกทั้ง Gartner ก็ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า HTML5 ติด 1 ใน 10 เทคโนโลยีด้านอุปกรณ์พกพาที่มีบทบาทสำคัญ และทำให้บริษัทต่างๆ สามารถสร้างแอพพลิเคชั่นที่เข้าถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ได้
และทาง W3C ออกมาประกาศแล้วว่า มีบริษัทเข้าร่วมโครงการกว่า 60 บริษัท พร้อมแล้วที่จะนำมาตรฐานนี้ไปใช้ร่วมกับเทคโนโลยีบริษัทของตัวเอง ซึ่งรายชื่อของบริษัทที่น่าสนใจมีดังนี้ครับ
- Adobe
- Apple
- Baidu (ห๊ะ?!)
- Ebay
- Huawai
- IBM
- Intel
- JQuery
- JW Player
- Microsoft
- Mozilla
- Rakuten
- Samsung
- Sony
- Tencent
ดูรายชื่อของบริษัทที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดได้ที่นี่ครับ
ก้าวต่อไปกับ HTML 5.1 “Application Foundation”
หากใครอ่านจุดประสงค์ของ HTML รุ่นที่ 5 ตั้งแต่ตอนแรก จะเข้าใจว่าเป้าหมายของ HTML 5 จริงๆ ใหญ่มากครับ นั่นคือ “การใช้ภาษาเว็บ ทำแอพพลิเคชั่น (Application) ที่ทำงานได้ทุกที่ (Write Once, Deploy Anywhere)” ซึ่งจะทำให้นักพัฒนาลดค่าใช้จ่ายทั้งด้านเงินทุน และเวลาที่ต้องใช้ในการพัฒนา
ดังนั้นเป้าหมายของ HTML 5.1 คือ เครื่องมือและระบบสำหรับนักพัฒนา (Application Foundation for Developer) นั่นเอง
โดย Jeff Jaffe ที่ดำรงตำแหน่ง CEO ของ W3C ได้ย้ำว่า “ด้านของ HTML5 นั้นสมบูรณ์แล้ว ต่อไปคือการขยายความสามารถของ HTML ไปสู่ส่วนที่สามารถช่วยเหลือนักพัฒนาได้” โดยเป้าหมายของ Application Foundation มีดังนี้
- Security and Privacy: การยืนยันตัวตน (identity), การเข้ารหัส (crypto), การยืนยันตัวตนแบบหลากหลาย (multi-factor authentication), การป้องกันความเป็นส่วนตัว (privacy protection)
- Core Web Design and Development: HTML รุ่นต่อไป, style, layout, graphics, animations, typography
- Device Interaction: ความสามารถในการเข้าถึง Hardware และเซ็นเซอร์โดยตรง เช่น bluetooth, NFC, และ vibration เป็นต้น.
- Application Lifecycle: ทำงานในรูปแบบ background เพื่อความสามารถในการทำงานแบบ offline, push, geofencing, sync
- Media and Real-Time Communications: เช่น WebRTC และ streaming media
- Performance and Tuning: การทำ profiling, hints และ pre-loading, responsive design
- Usability and Accessibility: ทำให้เว็บสามารถเข้าถึงได้โดยทุกคน และสนับสนุนภาษาต่างๆ ในโลก
- Services: Social Web, การชำระเงิน, annotations, และ Web of data
โดย W3C จะเริ่มพูดคุยเรื่องของ Framework กันในอาทิตย์นี้
แล้วพบกับหลักสูตรเรียนรู้ HTML 5.0
ในส่วนของการเรียนรู้กับ Nextflow เร็วๆ นี้ กดติดตาม Fan Page ของเราได้เลย
ศึกษาเรื่อง HTML 5.0 เพิ่มเติมได้ที่นี่
Photo by bqra