การสร้าง Mobile Application นั้นก็เหมือนการเขียน program ไว้ใช้บน PC ทั่วไป ขั้นตอนที่ทุกคนต้องเดินผ่าน คือการ build application เป็น “release build” โดย application ที่มาถึงจุดนี้ควรจะได้รับการทดสอบและแก้ไข bug มาแล้วเป็นอย่างดี
เป็น version ก่อนที่เราจะส่งมอบให้กับ Google Play Store ไปให้ลูกค้า download ได้จากเครื่องของตัวเองนั่นเอง (แต่จะเอาไฟล์ APK ที่ได้ไป setup ลงเครื่องลูกค้า ก็ไม่ว่ากัน)
แต่ว่าก่อนที่เราจะ build project ออกมาเป็น application และ upload ขึ้นไปนั้น มี list มาให้ตรวจทานว่าเราไม่ขาดตกบกพร่องอะไรไป ก็น่าจะทำให้สบายใจไม่น้อยใช่ไหม?
ด้านล่างนี้เป็น list ง่ายๆ ที่คุณสามารถเอาไว้ทบทวนในแต่ละครั้งที่จะ release application ออกมาขึ้นเว็บครับ
แน่นอนว่าเทคนิคนี้สามารถนำไปใช้ได้กับ Android application ที่เขียนด้วย PhoneGap และเขียนด้วย Java ทั่วไปเหมือนกัน คนที่เรียนหลักสูตร PhoneGap ก็สามารถมาดูส่วนนี้ได้ในการสร้าง Android Application
1. ตรวจสอบ versionCode และ versionName ใน AndroidManifest.xml
android:versionCode="1" android:versionName="1.0"
versionCode และ versionName เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญของระบบ Android application เลยก็ว่าได้
เพราะมันจะเป็นตัวชี้ว่า application file ตัวนี้ใหม่ หรือเก่ากว่าตัวปัจจุบัน (ถ้ามีการติดตั้งไว้ในเครื่องแล้ว) อย่างไร แยกทำความเข้าใจได้ง่ายๆ ดังนี้
- versionCode : จะถูกตัวระบบ Android ใช้เปรียบเทียบเพื่อบ่งชี้ว่าเป็น เลขที่มากกว่าเดิม อย่างเช่น application ตัวเดียวกัน ตัวหนึง build ออกมากับ versionCode = “1.5” จะใหม่กว่าอีกตัวที่ build ออกมากับ versionCode = “1.0”
- versionName : จะเป็นส่วนที่แสดงให้ user เห็นตอน download หรือเปิด application info ดูจาก Android device
2. Icon และ Splash screen
การขาด Splash screen น่าจะไม่ร้ายแรงเท่ากับ application ที่ขาด icon!
ตรวจสอบให้ดีว่าไฟล์ graphic ที่คุณใช้เป็น icon และ splash screen อยู่ในที่ๆ มันควรจะอยู่และด้วยการที่ Android application ต้องรับมือกับ device ที่มีขนาดและความละเอียดหน้าจอที่ต่างกัน ก็ให้แน่ใจด้วยว่าแต่ละไฟล์ graphic อยู่ใน folder ที่ถูกที่ควรแล้ว (ldpi,mdpi,hdpi, และ xhdpi)
3. ตรวจสอบให้แน่ใจว่า resource ทั้งหมดที่ใช้ใน application จะออกไปพร้อมกับการ release ด้วย
ตอนพัฒนา Android application นั้น คุณทำและทดสอบมันบนระบบที่คุณอยู่อย่างบน PC หรือ device ของคุณเอง ให้แน่ใจว่า file ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานของ application เช่น XML file, รูปภาพ, หรือวิดีโอต่างๆ จะถูก release ออกไปพร้อมกับ application ด้วย
4. ตรวจสอบ code ส่วนที่ใช้ Log และ android:debugable ใน AndroidManifest.xml
ระหว่างการพัฒนาตัว Android Application ไม่ว่าจะใช้ PhoneGap หรือ Java ธรรมดา บ่อยครั้งที่เราต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับ Log และ Debug เสมอ การลบ หรือจำกัดส่วนนี้ไม่ให้ทำงานใน release build จะช่วยเรื่อง performance ได้ในระดับหนึ่ง
5. ตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องว่าทำงานได้ปกติ
หาก application ของคุณมีการทำงานกับ Web service หรือระบบภายนอกตัว Android device ก็ขอให้ตรวจสอบว่ามันทำงานได้ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่แล้วโดยเฉพาะ application ที่มีการส่งข้อมูลไปมาระหว่างตัว device กับ server
6. ทดสอบ release version ของ Application
หลังจากตรวจแต่ละส่วนเสร็จแล้ว สิ่งสุดท้ายที่จะพลาดไม่ได้เลย ก็คือการนำ application file ที่ได้จาก release build ไปทดสอบบน device จริงๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันทำงานได้อย่างถูกต้อง โดยการนำ application file ลงติดตั้ง Android Device นั้นๆ โดยสามารถลงผ่าน USB หรือ SD Card ได้ตามสะดวก
และอย่าลืม ไปตั้งค่าให้ตัว Android OS ใน device ของคุณรับ application ที่ไม่ได้มาจาก Google Play Store ด้วยล่ะ โดยเข้าไปตั้งค่าตามขั้นตอนด้านล่างนี้
Setting > Security > Unknown Source (เลือกตัวเลือกนี้)
** หมายเหตุ: การเข้าไปตั้งค่านี้อาจแตกต่างไปตามอุปกรณ์แต่ละยี่ห้อ แต่ส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วน Security ของ Setting **
สรุป
แน่นอนว่ามีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ซึ่งอาจเกิดจากเครื่องที่คุณใช้ หรือว่าการติดตั้ง development environment ที่ไม่สมบูรณ์ที่คุณอาจจะต้องใช้แรงอีกสักหน่อย
แต่ก็คาดหวังว่า check list ตัวนี้จะทำให้คุณไม่พลาดส่วนพื้นฐานสำคัญง่ายๆ ก่อนนำ App ของคุณไปแจกจ่ายนะครับ
ของให้สร้าง App อย่างมีความสุขครับ
บทความนี้โพสขึ้นครั้งแรกที่ Nextflow
อ่านรายละเอียดแบบเต็มอิ่มได้จาก Android developer tool