เรียกได้ว่าไม่หยุดหย่อนกับเทคโนโลยี AI ที่เปิดมาไตรมาสแรก จีนก็ส่งขุนพลทัพหน้าอย่าง DeepSeek มาชนกับกองพันธมิตร (หรือเปล่านะ) ของฝั่งตะวันตก ที่เรียกได้ว่าหมัดแรกก็เขย่าตลาดหุ้นทันที
เอาล่ะ เรื่องใครส่งอะไรมานั้น เรายินดีทั้งนั้นล่ะครับ พลมองว่าในส่วนของกลุ่มคนทำ Solution นั้น การแข่งขันกันแบบพลิกกระดานไปมานี้ พวกเราคือผู้ได้ประโยชน์ เพราะถ้าเรามองออกตั้งแต่แรก เราจะรู้ว่าในหลายๆ งานนั้นไม่สามารถจบได้ด้วย model เพียงรุ่นเดียว เจ้าเดียวแน่นอน
วันนี้ก็จะมาให้ดูว่า Semantic Kernel ที่สอนไปตั้งแต่ปีที่แล้วนั้น ปรับจาก GPT ของ OpenAI มาใช้ DeepSeek ได้ง่ายดายขนาดไหน ตรงนี้ขอใช้ Python เป็นตัวอย่างแล้วกัน
Ok…
ตอนนี้เหมือน DeepSeek API ปิดปรับปรุง รอเปิดอีกทีแล้วค่อยมาลองก็ได้น้า
ให้แอพต่อ Deepseek ผ่าน Semantic Kernel แทน OpenAI
ทีนี้พลไปพบว่าโครงของ Semantic Kernel เวอร์ชั่นปัจจุบัน (1.19.0) นั้นออกแบบมายืดหยุ่นพอตัว (คุณ Tao Chen guide ตัวอย่างไว้ให้ที่นี่) ทำให้พลสามารถทดสอบสร้างโปรเจค ที่ใช้การสลับค่า 3 ตัวจากของ OpenAI เป็น DeepSeek ได้เลย โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนโค้ดด้านใน ซึ่งตรงกับเป้าหมายเป้ะ
เหมือนคงร่างเดิม แต่เปลี่ยนจิตประมาณนี้ครับ 😁
ตัว .env
แยกระหว่าง Deepseek กับ OpenAI สลับกันได้เลย ส่วนโค้ด python ก็จะอยู่ด้านล่าง ถ้าต้องการลองรัน สามารถไปรัน git repo พลได้นะลิ้งค์อยู่ด้านล่างครับ
ส่วนโปรเจคนั้นฝากไว้ที่ Git repo ของพลเอง สามารถกดเข้าไปดู และเอาไปลองรันได้เลยครับ
ส่งท้าย
ถึงแม้ว่าเราจะสามารถสลับ model ไปมาได้ หากเลือกใช้ Framework หรือออกแบบโครงสร้างของโปรเจคไว้ดีพอ พลก็ยังมองว่านอกจากโมเดลที่แรงกว่า ถูกกว่า ก็ยังต้องมีเรื่องของ Responsible AI ที่กำหนดแนวทางของการพัฒนาโซลูชั่นที่มี AI เป็นส่วนประกอบอยู่ดี
เหมือนกับถ้าเป็นหนังจีน นี่คือจากที่หงอคงพุ่งตัวลงมายืนที่พื้น เสียงดังสะเทือนเลือนลั่น แต่นี่เป็นหงอคงอย่างที่เราได้ยินในตำนานหรือไม่นั้น อยากให้ฝุ่นหายตลบก่อน เราค่อยมานั่งคุยกันสนุกๆ ที่ช่อง Youtube กันเช่นเคยครับ
ของให้อยู่ในยุคสมัยของ AI อย่างมีความสุขกันครับ